Page 130 - Land Use Plan of Thailand
P. 130
4-12
เหมาะสมกับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปและที่ส าคัญไปกว่านั้นเกษตรกรยังต้องมี
การปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรแผนการผลิตการขนส่งและการตลาดอีกด้วย (ฤทธิเดชและคณะ, 2557: 1)
4.3.3 การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation to Climate Change)
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมายถึง การปรับตัวและสิ่งรอบๆตัว
รวมถึงชุมชนให้มีความสามารถในการรับมือและสร้างภูมิคุ้มกันต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเพื่อรับมือต่อสถานการณ์และสภาพปัญหา
พื้นที่การเกษตรของประเทศไทยครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 30 ของพื้นที่ทั้งประเทศ มี
ประชากรที่เกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่าร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมด ระบบการเกษตรร้อยละ 75 เป็น
ระบบเกษตรอาศัยน้ าฝนที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและฤดูกาล การเปลี่ยนแปลง
สภาพภูมิอากาศน ามาซึ่งความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ มีแนวโน้มว่าจะมีความถี่มากขึ้นและความ
รุนแรงมากขึ้นในทุกพื้นที่ ความผันผวนในการผลิตทางการเกษตรจากสภาวะน้ าท่วมและฝนแล้งที่เกิดขึ้น
เป็นประจ าทุกปีและรุนแรงขึ้น ท าให้เกิดความสูญเสียและความไม่แน่นอนของผลผลิตทางการเกษตร
การด าเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพหรือความสามารถในการรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศในภาคการเกษตรเพื่อให้สามารถปรับตัวต่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน โดยการปรับเปลี่ยน
เทคโนโลยี การจัดการหรือนวัตกรรมใหม่เพื่อการรับมือ ตัวอย่างเช่น การปรังปรุงพันธุ์พืช การปรับเปลี่ยน
ชนิดพืช การจัดการดินที่ดี การจัดการน้ าที่มีประสิทธิภาพ และการปรับตัวในการด าเนินกิจกรรมทางการเกษตร
รวมถึงการปรับเปลี่ยนระบบการปลูกพืชให้มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
การปรับตัวในภาคเกษตรกรรม มักจะศึกษาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ต่อผลผลิตการเกษตร และมีการศึกษาด้านการปรับตัวในภาคการเกษตรร่วมกับกลไกการประกันภัยต่อ
สภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม ส่วนการด าเนินการปรับตัวในระดับชุมชนนั้น ปัจจัยที่ท าให้เกิดการ
ด าเนินการขึ้นได้ (Enabling factor) และปัจจัยที่ท าให้เกิดผลส าเร็จ (Critical success factor) นั้น
ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละชุมชน โดยจะต้องใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการด าเนินการ และสร้างการ
เรียนรู้ขึ้นในชุมชนและระหว่างชุมชน
การเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเพื่อลดความสูญเสียและลดผลกระทบจากการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อน าไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนทางภาคการเกษตร ต้องอาศัยความ
ร่วมมือจากทุกภาคส่วน และจ าเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้เชิงบูรณาการหลายสาขา รวมทั้งข้อมูลเชิงพื้นที่
ที่น่าเชื่อถือ ถูกต้อง และทันสมัย โดยผ่านการประมวลผลและสังเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อ
สนับสนุนการตัดสินใจ การวางแผน ทั้งเชิงนโยบายและปฏิบัติการ ดังนั้น การน าข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีการ
ตรวจวัดอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้อมูลดาวเทียมจากแหล่งต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมา
ศึกษาวิจัยด้านภูมิอากาศวิทยา เพื่อวิเคราะห์ติดตามการเปลี่ยนแปลง ทั้งบริเวณผิวพื้นและในชั้น
บรรยากาศ จะช่วยให้เข้าใจและเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบในด้านต่างๆ ได้ชัดเจน
ขึ้น ซึ่งจะท าให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และเกษตรกร
สามารถน าไปใช้ในการวางแผนบริหารจัดการและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม