Page 34 - การใช้ข้อมูลสำรวจระยะไกลเพื่อศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่เสี่ยง การเป็นดินกรดและดินเค็ม ภาคกลางของประเทศไทย
P. 34
28
ตารางที่ 10 ดัชนีพืชพรรณชนิดต่างๆ
ล าดับ ดัชนีพืชพรรณ สูตร อ้างอิง
1 NDVI (NIR - red) / (NIR + red) Rouse et al., 1974
2 GNDVI (NIR - Green) / (NIR + Green) Gitelson et al., 1996
3 NDII (NIR - SWIR) / (NIR + SWIR) Hunt and Rock, 1989
1) ดัชนีความต่างของพืชพรรณ (Normalized Difference Vegetation Index : NDVI)
เป็นค่าดัชนที่นิยมใช้เป็นตัวบ่งชี้ที่แสดงความเขียว ความหนาแน่น และสุขภาพของพืชในแต่ละพิกเซลของ
ภาพถ่ายดาวเทียม เป็นหนึ่งในดัชนีพืชพรรณที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในการรับรู้จากระยะไกล
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1970 และการเกษตรดิจิทัลก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้ประโยชน์จากดัชนีนี้มาก
ที่สุดเป็นการน าค่าสะท้อนของพื้นผิวระหว่างช่วงคลื่นใกล้อินฟราเรดกับช่วงคลื่นตามองเห็นสีแดงมาท า
สัดส่วนกับค่าผลบวกของทั้งสองช่วงคลื่นเพื่อปรับให้เป็นลักษณะการกระจายแบบปกติ ท าให้ค่า NDVI
มีค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง 1 ซึ่งจะช่วยในการแปลผลได้ง่ายขึ้น โดยที่ค่า 0 หมายถึงไม่มีพืชพรรณใบเขียวอยู่
ในพื้นที่ส ารวจ ในขณะที่ค่า 0.8 หรือ 0.9 หมายถึงพืชพรรณใบเขียวหนาแน่นมากในพื้นที่ดังกล่าว กรณีที่
พื้นผิวมีพืชพรรณปกคลุมจะมีค่าการสะท้อนในช่วงคลื่นอินฟราเรดสูงกว่าช่วงคลื่นตามองเห็นสีแดงท าให้
NDVI มีค่าเป็นบวกในขณะที่พื้นผิวดินจะมีค่าการสะท้อนระหว่างสองช่วงคลื่นใกล้เคียงกันท าให้ NDVI มีค่า
ใกล้เคียง 0 ส่วนกรณีที่พื้นผิวเป็นน้ าจะมีค่าการสะท้อนในช่วงคลื่นใกล้อินฟราเรดต่ ากว่าช่วงคลื่นตา
มองเห็นสีแดงท าให้ค่า NDVI มีค่าติดลบทั้งนี้โดยปกติค่านี้จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0.1 ถึง 0.7 เท่านั้น ดังนั้น
ดัชนีนี้จึงเหมาะส าหรับการประมาณความแข็งแรงตลอดวงจรการเพาะปลูกโดยพิจารณาจากลักษณะที่พืช
สะท้อนช่วงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบางช่วง ช่วยให้ทราบสถานะปัจจุบัน ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับภาพตาม
อนุกรมของช่วงเวลา (time series) เพื่อสังเกตวิวัฒนาการเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อรู้ว่าค่า NDVI เปลี่ยนแปลง
อย่างไร ซึ่งท าให้ผู้ศึกษาสามารถเข้าใจว่าค่า NDVI สามารถช่วยให้ให้ทราบว่าพืชมีสุขภาพดีหรือไม่แข็งแรง
ดัชนีนี้ขึ้นอยู่กับการสะท้อนพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช่วงคลื่นอินฟราเรดใกล้และช่วงคลื่นแสงสีแดงใน
การประเมินตัวบ่งชี้โดยสายตามนุษย์ไม่สามารถท าได้ พืชมีสีเขียวเพราะเม็ดสีคลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ในพืชนั้น
สะท้อนคลื่นสีเขียวและดูดซับคลื่นสีแดง ซึ่งหมายความว่าพืชที่แข็งแรงซึ่งมีคลอโรฟิลล์และโครงสร้าง
เซลล์จ านวนมากจะดูดซับแสงสีแดงและสะท้อนคลื่นอินฟราเรดใกล้ เมื่อมีการสังเคราะห์ด้วยแสง ท าให้
พืชพัฒนาและเติบโตและมีโครงสร้างเซลล์มากขึ้น แต่พืชที่ไม่แข็งแรงจะมีการสะท้อนแสงที่ตรงกันข้าม
ดังนั้นจากความสัมพันธ์ระหว่างแสงและคลอโรฟิลล์จึงเป็นวิธีที่เราสามารถใช้ค่า NDVI เพื่อแยกความ
แตกต่างของพืชที่แข็งแรงจากพืชที่เป็นโรคได้เซ็นเซอร์ของดาวเทียม ซึ่งลายเซ็นต์เชิงคลื่นนี้ท าให้การ
วิเคราะห์ค่า NDVI สามารถตรวจจับและวัดปริมาณพืชสีเขียวที่มีชีวิตโดยใช้แสงสะท้อนในช่วงคลื่น
อินฟราเรดใกล้และช่วงคลื่นแสงสีแดง (Gao, 1996)
2) ดัชนีความต่างของพืชพรรณด้วยช่วงคลื่นแสงสีเขียว (Green Normalized Difference
Vegetation Index: GNDVI) เป็นดัชนีวัดความเขียวของพืชโดยใช้ความแตกต่างของช่วงคลื่นอินฟราเรด
ใกล้ (NIR) และแถบสีเขียว (GREEN) ของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งพัฒนาโดย Gitelson et al. (1996)