Page 25 - รายงานสำรวจทะเบียนรายชื่อพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับท้องถิ่น จังหวัดสกลนคร
P. 25

่
                                                         บทที 3
                                           นโยบายที่เกี่ยวของกับพื้นที่ชุมน้ำ



                                                             ุ
                  3.1  ความหมายและความสำคัญของพื้นที่ชมน้ำ
                      3.1.1 น้ำ (Water)
                          น้ำ เปนของเหลวชนิดหนึ่ง ที่มีอยูมากที่สุดบนผิวโลก และเปนปจจัยสำคัญตอการ

                  ดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่มนุษยรูจัก เราสามารถพบน้ำไดในหลายๆ สถานที่ อาทิ ทะเล ทะเลสาบ
                  แมน้ำ หวย หนอง คลอง บึง และในหลายๆ รูปแบบ เชน น้ำแข็ง หิมะ ฝน ลูกเห็บ เมฆ และไอน้ำ น้ำที ่
                  เปนของเหลวพบไดใน ตัวของน้ำเอง (bodies of water) เชน มหาสมุทร ทะเล ทะเลสาบ แมน้ำ ธาร
                  น้ำ คลอง หรือ สระน้ำ น้ำสวนใหญในโลกนี้อยูในรูปของ น้ำทะเล น้ำที่อยูในบรรยากาศโลกจะอยูทงใน
                                                                                                    ั้
                  รูปไอน้ำและ น้ำที่เปนของเหลว น้ำใตดินจะอยูใน ชั้นของดินและหิน ถึงแมปกติน้ำจะมีจุดเดือดท่  ี

                  100°C แตที่ใตทะเลลึก ซึ่งมีความรอนและความกดดันสูง จุดเดือดของน้ำอาจอยูที่ 400°C และที่ยอด
                  เขาเอเวอเรส (Mount Everest) จุดเดือดของน้ำอาจอยูที่ 70°C
                      3.1.2 แหลงน้ำ หรือ พื้นที่น้ำ (water body) คือบริเวณที่มีการสะสมของน้ำบนพื้นผิวโลกหรือ

                  บนผิวดาวเคราะห เชน มหาสมุทร ทะเล แมน้ำ ไปจนถึง คลอง หรือ พื้นที่ชุมน้ำ แหลงน้ำแบงไดเปน 4
                                                                         ื
                  ประเภทตามการกำเนิดธรรมชาติของเปลือกโลก และที่ผิวของโลกคอ
                             1) แหลงน้ำในบรรยากาศ (Atmospheric Water) ไดแก สถานะไอน้ำ เชน เมฆ หมอก
                  สถานะของเหลว ไดแก ฝน และน้ำคาง และสถานะของแข็ง ไดแก หิมะ และลูกเห็บ เปนตน

                             2) แหลงน้ำผิวดิน (Surface Water) ไดแก น้ำในบรรยากาศที่กลั่นตัวเปนหยดน้ำและตก
                  ลงสูผิวโลก ไหลลงมาขังตามแองที่ต่ำ เชน หนอง บึง แมน้ำ ทะเล ทะเลสาบ เปนตน นอกจากนี้
                  ยังสามารถแบงไดตามการเคลื่อนที่ของน้ำ เชน แมน้ำ และคลอง กลาวถึงแหลงน้ำมีการไหลจากท่หนึง ่
                                                                                                   ี
                  ไปอีกที่หนึ่ง ในขณะที่ ทะเลสาบ น้ำจะไมมการไหลไปแหลงอื่น แหลงน้ำที่มการสัญจรจะถกเรียกวาทางน้ำ
                                                                                          ู
                                                                              ี
                                                    ี
                  สำหรับสวนบริเวณของภูมิประเทศที่มีน้ำเปนจำนวนหนึ่งแตไมเรียกวาแหลงน้ำเชน น้ำตก และไกเซอร
                  น้ำบนโลกนั้นมีทั้งหมดเพียง 97% ดังนั้นในปจจุบันนั้น ป 2018 น้ำจืดมีเพียง 3% ดังนั้นน้ำทะเลจะมีเพียง
                                  ื้
                  71% ตามกรมภาคพนทะเลแหงสหประชาชาติของโลก สวนที่เหลือจะซึมอยูในดินอากาศและสิ่งมีชีวิต
                                                                    ี
                             3) แหลงน้ำใตดิน (Ground Water) เปนน้ำท่ไหลซึมผานชั้นดิน และหิน ลงไปสะสมตัว
                  อยูตามชองวางระหวางอนุภาคดินและหิน น้ำชนิดนี้มีประโยชนมาก และเปนตัวการสำคัญในการควบคม
                                                                                                      ุ
                  การแพรกระจายพรรณพช ตลอดจนเปนตวทำละลาย และตกตะกอนเปนสารประกอบหลายอยางใตพื้นดิน
                                      ื
                                                   ั
                             4) น้ำที่เปนสวนประกอบทางเคมี (Chemical Water) ไดแก น้ำที่เปนองคประกอบทางเคม  ี
                                                                                                      ้
                  หรือเปนองคประกอบในแร หิน และดน และแหลงน้ำในบรรยากาศ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของนำ
                                                   ิ
                             
                  ที่เปนสวนประกอบทางเคมี เชน การเย็นตัวลงของหินอัคนี การผุพังของแร การเปลี่ยนแปลงจนม ี
                  ปริมาณน้ำมากบนผิวโลก และใชระยะเวลายาวนานมาก
                      3.1.3 ทรัพยากรน้ำ หมายถึง ของเหลวเกิดจากการรวมตัวกันของกาซไฮโดรเจนและกาซ
                  ออกซิเจนในภาวะที่เหมาะสมหรือความหมายในลักษณะเปนทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิ่งทนำมาใช
                                                                                                ี่
                  อุปโภค บริโภค ชำระลางรางกาย ใชในการเพาะปลูก การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคมนาคมทางน้ำ
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30