Page 20 - แผนการใช้ที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ 2566
P. 20

1-8





                  หลีกเลี่ยงมิได การใชน้ำของมนุษยไมวาดวยวิธีใดก็ตาม ยอมสงผลกระทบกับการทำงานของวัฏจักรตาง ๆ

                  ในธรรมชาติ ถาเราใชน้ำอยางไมรูคุณคา ทำใหน้ำปนเปอนดวยความตั้งใจหรือรูเทาไมถึงการณ ทั้งการ
                  ทิ้งขยะลงในแหลงน้ำ หรือแมแตการใชสารเคมีในการเกษตร สารเคมีหรือเศษขยะที่เจือปนลงไปตาม
                  แหลงน้ำตาง ๆ ในที่สุดสิ่งเหลานั้นก็จะยอนกลับมาหาเราไมชาก็เร็ว (มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, 2555)

                                                 ี
                                                 ่
                                                                 ี
                      ั
                                                   ี
                                                                            
                                                          ั
                  การพฒนาแหลงน้ำขนาดเล็ก เปนงานทมความสำคญและมความจำเปนตอประชาชนในชนบทเปนอยางมาก
                  เปาหมายของการพัฒนาแหลงน้ำขนาดเล็ก เพื่อสนองความตองการขั้นพื้นฐานในการใชน้ำของประชาชน
                  ในชนบท เชน ใชในการอุปโภคบริโภค การเลี้ยงสัตว การประมง การเพาะปลูกพืช การพัฒนาแหลงน้ำ
                  ขนาดเล็กมีกิจกรรมหลายประเภทดวยกัน คือการกอสรางอางเก็บน้ำ สระเก็บน้ำ การขุดลอกหนอง บึง
                                                                                             ั
                  ธรรมชาติ เพ่อกักเก็บน้ำไวใชในยามขาดแคลน การกอสรางทางน้ำ คู คลอง สงน้ำ รวมท้งฝาย ประต ู
                             ื
                  ระบายน้ำขนาดเล็ก เพื่อนำน้ำจากแหลงน้ำกระจายไปใชในพื้นที่เพาะปลูกไดอยางทั่วถึง การขุดบอน้ำต้น
                                                                                                      ื
                  บอน้ำบาดาลเพื่อนำน้ำจากใตดินขึ้นมาใช นอกจากนี้ยังมีการระบายน้ำออกจากพื้นที่ซึ่งมีน้ำทวมเปน
                  ประจำจนใชเพาะปลูกไมได การปองกันน้ำทวมพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งการกอสรางเพื่อปองกันน้ำเคม
                                                                                                      ็
                  และการปรับปรุงพื้นที่ชายทะเลเพื่อการเพาะปลูก
                                                                                                      ่
                        1.5.14  ทรัพยากรปาไม หรือ ปาไมคือ สังคมของตนไมและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อันมีความสัมพันธซง
                                                                                                      ึ
                  กันและกัน และปกคลุมเนื้อที่กวางใหญ มีการใชประโยชนจากอากาศ น้ำ และวัตถุธาตุตาง ๆ ในดิน
                  เพื่อการเจริญเติบโต มีการสืบพันธุ รวมทั้งใหผลิตผลและบริการที่จำเปนตอมนุษย

                  (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2557) ปาไม หมายถึง ถิ่นที่อยูอาศัยรวมกันของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว
                                                     ั
                                      ั้
                               ั
                  นานาชนิดรวมทงจุลชีพทงมวลตางพงพาอาศยซึ่งกันและกน สวนใหญประกอบดวยตนไมอนขนอยูบนพนดิน
                                                                                           ึ้
                                                                                                   ื้
                                                                ั
                                               ึ่
                                                                                         ั
                  และมีรากยึดเหนี่ยวอยูใตดิน ปาไมเปนสิ่งที่ปลูกทดแทนขึ้นมาใหมได และสามารถเอื้ออำนวยประโยชน
                  ใหแกมวลมนุษย ปา ตามพระราชบัญญัติ ปาไม หมายถึง ที่ดินที่ไมมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไดมาซึ่งกรรมสิทธิ ์
                  ครอบครองตามกฎหมายที่ดิน กรมปาไม (2560) ปาไม (forest) หมายถึง บริเวณที่มีตนไมหลายชนิด
                  ขนาดตาง ๆ ขึ้นอยูอยางหนาแนนและกวางใหญพอที่จะมีอิทธิพลตอสิ่งแวดลอมในบริเวณนั้น เชน
                  ความเปลี่ยนแปลงของลมฟา อากาศ ความอุดมสมบูรณของดินและน้ำ มีสัตวปาและสิ่งมีชีวิตอื่นซึ่งม ี
                  ความสัมพันธซึ่งกันและกัน Allen (2007) ไดใหคำจำกัดความของปาไมไวดังนี้ “ปาไม คือ สังคมของ
                                                                ั
                                                         ั
                                                   ั
                                                       ึ
                                   ่
                                                                                         ี
                       
                                                                                        
                   
                                   ื
                                           ี
                                                                             ้
                  ตนไมและสิ่งมีชีวิตอน ๆ อันมความสัมพนธซ่งกนและกนและปกคลุมเนือทกวางใหญมการใชประโยชน
                                                                                ี
                                                                                ่
                                                                              ั
                                                                         ึ
                                                                                    ี
                                          ุ
                  จากอากาศ น้ำ และวัตถแรธาตตาง ๆ ในดินเพื่อการเจริญเติบโตจนถงอายุขยและมการสืบพันธุของตนเอง
                                     ุ
                                                          ิ
                  ทั้งใหผลผลิตและบริการที่จำเปนอันจะขาดเสียมไดตอมนุษย” ตอนปลายศตวรรษที่ 13 ในยุโรป “ปาไม  
                  หมายถึง พื้นที่ที่พระมหากษัตริยไดสงวนไวเพื่อใชเปนสถานที่สำหรับลาสัตวของสวนพระองค สวนสิทธิ
                                               
                  ในการตัดไมและการกอสราง แผวถางปาเพื่อการเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตวยังเปนของประชาชนทวไปอยู”
                                                                                                ั่
                  ปจจุบันองคการอาหารและเกษตรแหงสหประชาชาติไดใหคำนิยามคำวา “ปาไม” หมายถึง “บรรดา
                                                                   
                  พื้นที่ที่มีพฤกษชาตินานาชนิดปกคลุมอยูโดยมไมตนขนาดตาง ๆ เปนองคประกอบที่สำคัญ โดยไมคำนึง
                                                        ี
                                                                              
                  วาจะมีการทำไมในพื้นที่ดังกลาวหรือไมก็ตาม สามารถผลิตไมหรือมีอิทธิพลตอลมฟาอากาศ หรือตอ
                  ระบบของน้ำในทองถิ่น นอกจากนี้พื้นที่ที่ไดถูกตัดฟน แผวถางหรือโคนเผาไมลง และมีเปาหมายที่จะ
                                                        
                  ปลูกปาขึ้นในอนาคต ก็นับรวมเปนพื้นที่ปาไมดวย แตทั้งนี้มิไดนับเอาปาละเมาะ หรือหมูตนไมที่ขึ้นอยู 
                                                                
                  นอกปา หรือตนไมสองขางทางคมนาคม หรือที่ยืนตนอยูตามหัวไรปลายนา หรือที่ขึ้นอยูในสวนสาธารณะ
                                         
                  ใหเปนปาไมดวย” กรมปาไม (2558) ไดศึกษาสภาพปาไม พบวา จากอดีตเมื่อป พ.ศ. 2516 ประเทศไทย
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25