Page 89 - แผนการใช้ที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
P. 89

4-7





                  ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในเขตอ าเภอพรหมพิราม อ าเภอเมืองพิษณุโลก อ าเภอบางกระทุ่ม อ าเภอ

                  บางระก า และอ าเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก

                              4) เขตปลูกไม้ยืนต้น มีเนื้อที่ 3,170 ไร่ หรือร้อยละ 0.05 ของเนื้อที่จังหวัด สภาพพื้นที่
                  ในเขตนี้เป็นพื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีเนื้อดินเป็นดินเหนียว ดินร่วน
                  หรือดินทรายแป้ง เป็นดินลึกมาก มีการระบายน้ าดีถึงดีปานกลาง ความอุดมสมบูรณ์ของดินปานกลาง
                  มีความเหมาะสมปานกลางถึงสูงส าหรับปลูกไม้ยืนต้น บางบริเวณเป็นที่ลุ่มซึ่งมีการจัดการพื้นที่ในรูปแบบ

                  ต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาน้ าท่วม เช่น การท าคันดิน การยกร่องและการพูนโคน เป็นต้น สภาพการ
                  ใช้ที่ดินในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้น เช่น ไม้ยืนต้นผสม ยางพารา ปาล์มน้ ามัน สัก ยูคาลิปตัส ไผ่
                  และสะเดา พบกระจายตัวอยู่ในเขตอ าเภอพรหมพิราม อ าเภอเมืองพิษณุโลก อ าเภอบางกระทุ่ม

                  อ าเภอบางระก า และอ าเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
                                รูปแบบและแนวทางการพัฒนาในเขตเกษตรกรรมชั้นดี
                              (1) ปรับปรุงบ ารุงดิน โดยการใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยชีวภาพควบคู่กับการใช้
                  ปุ๋ยเคมีซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยร่วมกับการจัดท าระบบอนุรักษ์ดินและน้ าเพื่อป้องกัน

                  การชะล้างพังทลายของดินและรักษาความชุ่มชื้นของดิน เช่น การปลูกหญ้าแฝก
                                (2) พัฒนาศักยภาพการผลิต โดยควบคุมกระบวนการผลิตไม้ผลให้ถูกต้องตามระบบ
                  GAP จัดการดินและใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยใช้โปรแกรมค าแนะน าการจัดการดินและปุ๋ย โปรแกรม
                  ดินไทยและธาตุอาหารพืช รวมถึงการใช้สารเคมีในการควบคุมศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย

                              (3) ใช้พืชพันธุ์ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งด้านคุณภาพ และปริมาณ
                                (4) ส่งเสริมการท าเกษตรอินทรีย์ การผลิตพืชปลอดสารพิษ เพื่อลดการใช้สารเคมี
                  ด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มมูลค่าของ
                  ผลผลิต

                                (5) พัฒนาแหล่งน้ าเพิ่มเติม เช่น บ่อน้ าขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต รวมทั้ง
                  ปรับปรุงแหล่งน้ าตามธรรมชาติ ให้สามารถกักเก็บน้ าได้ดีขึ้น เพื่อใช้ส าหรับปลูกพืช ลดความเสียหายจากกรณี
                  ฝนทิ้งช่วง หรือปริมาณน้ าต้นทุนมีน้อย ระบบชลประทานไม่สามารถส่งน้ าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่

                  ติดดอกและออกผล
                                (6) ปรับปรุงโครงสร้างของระบบการส่งน้ าให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน
                  ได้ตลอดเวลา โดยการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารชลประทาน และขุดลอกคูคลองส่งน้ าต่างๆ ให้สามารถส่งน้ า
                  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                (7) ควรท าทางระบายน้ าบริเวณที่เป็นที่ค่อนข้างลุ่ม เพื่อป้องกันน้ าท่วมขัง

                              (8) ควบคุมคุณภาพและสารตกค้างของผลผลิตให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ก าหนด
                  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ส่งออกต่างประเทศ
                              (9) สนับสนุน ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ในการลดต้นทุน

                  การผลิต โดยการปรับปรุงพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
                              (10)  ควรมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร
                  เพื่อก าหนดรูปแบบ และระยะเวลาของการเพาะปลูก โดยการก าหนดปฏิทินการปลูกพืชให้สอดคล้องกับ
                  ปริมาณน้ าต้นทุนของแต่ละปี เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ าในการเพาะปลูก อุปโภค และบริโภค
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94