Page 23 - การใช้ข้อมูลสำรวจระยะไกลเพื่อศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่เสี่ยง การเป็นดินกรดและดินเค็ม ภาคกลางของประเทศไทย
P. 23

17






                       ค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงหรือต่ ากว่าช่วงนั้นๆ ก็เปลี่ยนสภาพเป็นรูปที่ยากที่พืชจะดึงดูดเอาไปใช้เป็น
                       ประโยชน์ได้ เช่น ธาตุฟอสฟอรัส จะอยู่ในรูปของสารละลายที่พืชดึงดูดไปใช้ได้ง่าย เมื่อดินมีค่าความเป็น
                       กรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง ๖.๐-๗.๐ ถ้าดินมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูง หรือต่ ากว่าช่วงนี้ ความเป็นประโยชน์
                       ของธาตุ ฟอสฟอรัสในดินก็ลดน้อยลง เพราะไปท าปฏิกิริยากับแร่ธาตุต่างๆ ในดินได้ง่ายขึ้น และแปร

                       สภาพเป็นสารประกอบที่ละลายน้ ายาก ปุ๋ยฟอสเฟต ที่เราใส่ลงไปในดินจะเป็นประโยชน์ต่อพืชที่ปลูก
                       ได้มากที่สุดก็เมื่อดินมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในช่วงดังกล่าว ปุ๋ยฟอสเฟตที่ใส่ลงไปในดินจะไม่เป็น
                       ประโยชน์ต่อ พืชทั้งหมด แต่จะสูญเสียไปโดยท าปฏิกิริยากับแร่ธาตุต่างๆ ในดิน แปรสภาพเป็น
                       สารประกอบที่ละลายน้ ายากเสียกว่า ๘๐% ซึ่งเราเรียกว่า ฟอสเฟตถูกตรึง ปุ๋ยฟอสเฟตจะถูกตรึงได้ง่าย

                       และมากขึ้นไปกว่านี้ได้อีก ถ้าดินมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงหรือต่ ากว่าช่วงค่าความเป็นกรดเป็นด่าง
                       ดังกล่าวข้างต้น ธาตุอาหารพืชพวกจุลธาตุ (micronutrients) เช่น สังกะสี เหล็ก แมงกานีส โบรอน
                       เป็นต้น จะละลายออกมาอยู่ในสภาพที่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้ง่าย และมีอยู่ในดินอย่างพอเพียงกับความ
                       ต้องการของพืช เมื่อดินมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างเป็นกรดอย่างอ่อน ถึงกรดปานกลางมากกว่าเมื่อดินมี

                       ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง เป็นกลาง หรือเป็นด่าง แต่ในทางตรงกันข้ามธาตุอาหารโมลิบดินัม จะเป็น
                       ประโยชน์ต่อพืชได้ดีขึ้น ถ้าดินมีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง เป็นกลางถึงด่างอย่างอ่อน อย่างไรก็ตามเมื่อสรุป
                       ความเสียเปรียบ และได้เปรียบ ระหว่างความเป็นกรด และเป็นด่างของดินแล้ว ดินที่เหมาะส าหรับปลูกพืชควรจะมี

                       ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในช่วงเป็นกรดอย่างอ่อน ถึงเป็นกรดปานกลาง ความส าคัญของค่าความเป็น
                       กรดเป็นด่างของดินยังเกี่ยวข้องอยู่กับการท างานที่เป็นประโยชน์ของจุลินทรีย์ต่างๆ ในดินด้วย ปกติ
                       สารประกอบอินทรีย์ต่างๆ ในดินจะเน่าเปื่อยผุพังได้ก็โดยที่มีจุลินทรีย์ต่างๆ เข้าย่อยท าลาย ขณะที่
                       สารอินทรีย์พวกนี้ก าลังสลายตัว ก็จะปลดปล่อยธาตุอาหารต่างๆ ออกมา ซึ่งรากพืชสามารถดึงดูดไปใช้ได้
                       พวกปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เมื่อใส่ลงไปในดินแล้ว ท าให้พืชงอกงามดีขึ้นนั้น ก็เนื่องจากจุลินทรีย์พวกนี้เข้าย่อย

                       และท าให้ปุ๋ยคอกสลายตัว และปลดปล่อยธาตุอาหาร ออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชอีกทีหนึ่ง การที่ปุ๋ยคอก
                       มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ช้ากว่าปุ๋ยเคมี ก็เนื่องด้วยเหตุที่ปุ๋ยคอกต้องรอให้จุลินทรีย์เข้าย่อยให้
                       สลายตัวเสียก่อน ซึ่งผิดกับปุ๋ยเคมี เมื่อละลายน้ าแล้ว พืชก็สามารถดึงดูดเอาธาตุอาหารจากปุ๋ยไปใช้ได้

                       ทันที จุลินทรีย์ต่างๆ ที่เข้าย่อยสลายปุ๋ยคอก และสารอินทรีย์ต่างๆ ตลอดจนฮิวมัสในดินนั้น จะท างานได้
                       เต็มที่ และมีประสิทธิภาพ เมื่อค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินอยู่ระหว่าง 6-7 ถ้าดินเป็นกรดรุนแรง
                       ถึงกรดรุนแรงมาก จุลินทรีย์ในดินจะท างานได้ช้าลง ปุ๋ยคอก และสารอินทรีย์ในดินจะสลายตัว และเป็น
                       ประโยชน์ต่อพืชได้ช้ามาก เมื่อดินเป็นกรดรุนแรง และกรดรุนแรงมากนั้น มักจะพบว่า พืชที่ปลูกไม่

                       เจริญเติบโต และงอกงามเท่าที่ควร เราสามารถแก้ไขดินที่เป็นกรดมากจนเกินไปนี้ (ค่าความเป็นกรด
                       เป็นด่างต่ ากว่า ๕.๐) ให้มีระดับค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงขึ้นได้ โดยการใส่สารประกอบพวกปูนขาว
                       (Ca(OH2)) หินปูนที่บดละเอียดเป็นฝุ่น (CaCO3) และปูนมาร์ล (marl) ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกันกับ
                       หินปูน สารประกอบพวกนี้ เมื่อใส่ลงไปในดิน จะมีฤทธิ์เป็นด่าง และจะเข้าไปท าปฏิกิริยากับกรด ท าให้สารพวก

                       กรดในดินลดน้อยลง และมีสารพวกด่างสูงขึ้น
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28