Page 7 - Cost-Benefit Analysis of agricultural waste management methods
P. 7

มีการนำเศษวัสดุทางการเกษตรมาใชDประโยชน1หลายประการ อาทิเชIน พลังงานไฟฟ”า พลังงานความรDอน

               เชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะการสIงเสริมในการนำชีวมวลมาเป\นพลังงานทางเลือกไดDรับความนิยมกันในหลาย
               ประเทศ ทั้งในเอเชีย เชIน จีน ญี่ปุ—น อินเดีย ในยุโรป เชIน สวีเดน เดนมาร1ก และสหรัฐอเมริกา นอกจาก

               การนำมาใชDเป\นพลังงานแลDวยังมีนโยบายในการสIงเสริมทำปุƒย การไถกลบและนำมาผลิตเป\นอาหารสัตว1 โดย

               แนวนโยบายของประเทศไทยนับวIามีความสอดคลDองและคลDายกับประเทศตIาง ๆ ที่กลIาวมาขDางตDน ทั้งในการ
               สนับสนุนการใชDประโยชน1จากชีวมวล และเศษวัสดุเหลือใชDทางการเกษตร


               การเผาไหม4เศษวัสดุเหลือใช4ทางการเกษตรในพื้นที่ปลูกข4าว ข4าวโพดและอ4อยของประเทศไทย
                       จากการวิเคราะห1ขDอมูลสารสนเทศทางภูมิศาสตร1บIงชี้วIา ภาคเหนือมีการเผาไหมDพื้นที่เพาะปลูกขDาว

               และขDาวโพดสูงสุด โดยคิดเป\นรDอยละ 41.85 และรDอยละ 74.58 ตามลำดับ  ในขณะที่ภาคกลาง เป\นพื้นที่ที่มี
               การเผาไหมDพื้นที่ปลูกอDอยมากที่สุดคิดเป\นรDอยละ 50.74 ของพื้นที่เผาไหมDที่มีการปลูกอDอยทั้งหมด

                       นอกจากนี้หากพิจารณาความสอดคลDองระหวIางจำนวนพื้นที่ปลูกกับบริเวณพื้นที่เผาไหมD จะเห็นไดDวIา

               มีเพียงขDาวโพดที่มีความสอดคลDองกัน นั่นคือ ภาคเหนือเป\นภูมิภาคที่มีพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด (7,586,619 ไรI)
               และเป\นพื้นที่ที่มีการเผาไหมDมากที่สุด (130,521 ไรI) เชIนกัน สIวนขDาว และขDาวโพด ผลการศึกษาแสดงใหDเห็น

               วIา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป\นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกขDาวสูงสุด (40,939,421 ไรI) แตIภาคเหนือกลับเป\น

               พื้นที่ที่มีการเผาไหมDนาขDาวมากที่สุด (230,914 ไรI) เชIนเดียวกับพื้นที่เพาะปลูกอDอยที่มีการเพาะปลูกมากที่สุด
               คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (9,467,956 ไรI) แตIภาคกลางเป\นพื้นที่ที่มีการเผาไหมDไรIอDอยสูงสุด (79,342 ไรI)

               โดยการเผาในพื้นที่เกษตรสIวนใหญIเป\นการเผาในพื้นที่ปลูกขDาวนาปรัง คิดเป\นรDอยละ 57 ของการเผาในพื้นที่

               เกษตรทั้งหมด เนื่องดDวยพื้นที่ดังกลIาวเป\นการทำเกษตรแบบเขDมขDนทำใหDหลังเก็บเกี่ยวแลDว เกษตรกร
               จำเป\นตDองเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกรอบถัดไปทันที ดังนั้นเศษวัสดุเหลือใชDทางการเกษตรที่เกิดขึ้น

               จากการปลูกขDาว เชIน ตอซัง ฟางขDาว รวมทั้งหญDา วัชพืชตIาง ๆ ในนาขDาว ก็จะถูกเผาเนื่องจากเป\นวิธี
               การจัดการที่สะดวก ประหยัดและรวดเร็ว

                       สำหรับการปลูกขDาวโพดนั้นมีการเพาะปลูกทั้งที่ราบและพื้นที่สูง เกษตรกรทั้งในที่ราบและที่สูงก็ยัง

               นิยมเผาเศษวัสดุเหลือใชDทางการเกษตรจากการปลูกขDาวโพด แมDเกษตรกรที่มีการปลูกขDาวโพดในพื้นที่ราบหรือ
               พื้นที่ลุIมที่มีน้ำไหลผIาน ที่มีการทำนาขDาวกIอนการปลูกขDาวโพดในรอบถัดไปก็ตาม แตIเกษตรกรในทั้ง 2 พื้นที่

               ยังคงมีการเผาเศษวัสดุเหลือใชDทางการเกษตรกIอนการปลูกในรอบถัดไปทั้งสิ้น เนื่องจากเกษตรกรหรือแรงงาน
               ที่รับจDางหยอดเมล็ดพันธุ1ทำงานไดDงIายและเร็วขึ้น อีกทั้งยังใชDงบประมาณในการจัดการนDอยอีกดDวย

                       สIวนของการจัดการเศษวัสดุเหลือใชDทางการเกษตรจากการเพาะปลูกอDอย ไดDแกI ใบ และซากอDอย

               มี 3 ลักษณะ คือ 1) การเผาใบอDอยกIอนการเก็บเกี่ยว โดยเกษตรกรใหDเหตุผลวIาเกิดจากป€ญหาการขาดแคลน
               แรงงานในการเก็บเกี่ยว และการเผาชIวยใหDการตัดอDอยสะดวก รวดเร็วมากขึ้น  2) การเผาใบอDอยหลังการเก็บ

               เกี่ยว เนื่องจากหลังเก็บเกี่ยวอDอยสด (เก็บเกี่ยวโดยไมIเผา) ยังมีใบอDอยคลุมดินซึ่งอาจจะกลายมาเป\นเชื้อเพลิงที่

               อาจจะไหมDอDอยตอ ดังนั้นหลังเก็บเกี่ยวกIอนที่อDอยจะงอกใหมIชาวไรIจึงทำการเผาใบอDอย และ 3) การเผาใบ




                                                            6
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12