Page 18 - Chumphon
P. 18
1-8
การใชน้ำของมนุษยไมวาดวยวิธีใดก็ตาม ยอมสงผลกระทบกับการทำงานของวัฏจักรตางๆ ในธรรมชาติ
ถาเราใชน้ำอยางไมรูคุณคา ทำใหน้ำปนเปอนดวยความตั้งใจหรือรูเทาไมถึงการณ ทั้งการทิ้งขยะลงใน
แหลงน้ำ หรือแมแตการใชสารเคมีในการเกษตร สารเคมีหรือเศษขยะที่เจือปนลงไปตามแหลงน้ำตางๆ
ในที่สุดสิ่งเหลานั้นก็จะยอนกลับมาหาเราไมชาก็เร็ว (มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, 2555)
การพัฒนาแหลงน้ำขนาดเล็ก เปนงานที่มีความสำคัญและมีความจำเปนตอประชาชนในชนบทเปนอยางมาก
เปาหมายของการพัฒนาแหลงน้ำขนาดเล็ก เพื่อสนองความตองการขั้นพื้นฐานในการใชน้ำของประชาชน
ในชนบท เชน ใชในการอุปโภคบริโภค การเลี้ยงสัตว การประมง การเพาะปลูกพืช การพัฒนาแหลงน้ำ
ขนาดเล็กมีกิจกรรมหลายประเภทดวยกัน คือการกอสรางอางเก็บน้ำ สระเก็บน้ำ การขุดลอกหนอง บึง
ธรรมชาติ เพื่อกักเก็บน้ำไวใชในยามขาดแคลน การกอสรางทางน้ำ คู คลอง สงน้ำ รวมทั้งฝาย
ประตูระบายน้ำขนาดเล็ก เพื่อนำน้ำจากแหลงน้ำกระจายไปใชในพื้นที่เพาะปลูกไดอยางทั่วถึง การขุดบอ
น้ำตื้น บอน้ำบาดาลเพื่อนำน้ำจากใตดินขึ้นมาใช นอกจากนี้ยังมีการระบายน้ำออกจากพื้นที่ซึ่งมีน้ำทวม
เปนประจำจนใชเพาะปลูกไมได การปองกันน้ำทวมพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งการกอสรางเพื่อปองกัน
น้ำเค็ม และการปรับปรุงพื้นที่ชายทะเลเพื่อการเพาะปลูก
1.5.14 ทรัพยากรปาไม หรือ ปาไมคือ สังคมของตนไมและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อันมีความสัมพันธซึ่ง
กันและกัน และปกคลุมเนื้อที่กวางใหญ มีการใชประโยชนจากอากาศ น้ำ และวัตถุธาตุตางๆ ในดิน
เพื่อการเจริญเติบโต มีการสืบพันธุ รวมทั้งใหผลิตผลและบริการที่จำเปนตอมนุษย
(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2557) ปาไม หมายถึง ถิ่นที่อยูอาศัยรวมกันของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว
นานาชนิดรวมทังจุลชีพทั้งมวลตางพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สวนใหญประกอบดวยตนไมอันขึ้นอยูบนพื้นดิน
และมีรากยึดเหนี่ยวอยูใตดิน ปาไมเปนสิ่งที่ปลูกทดแทนขึ้นมาใหมได และสามารถเอื้ออำนวยประโยชน
ใหแกมวลมนุษย ปา ตามพระราชบัญญัติ ปาไม หมายถึง ที่ดินที่ไมมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไดมาซึ่งกรรมสิทธิ์
ครอบครองตามกฎหมายที่ดิน กรมปาไม (2560) ปาไม (forest) หมายถึง บริเวณที่มีตนไมหลายชนิด
ขนาดตางๆ ขึ้นอยูอยางหนาแนนและกวางใหญพอที่จะมีอิทธิพลตอสิ่งแวดลอมในบริเวณนั้น เชน
ความเปลี่ยนแปลงของลมฟา อากาศ ความอุดมสมบูรณของดินและน้ำ มีสัตวปาและสิ่งมีชีวิตอื่นซึ่งมี
ความสัมพันธซึ่งกันและกัน Allen (2007) ไดใหคำจำกัดความของปาไมไวดังนี้ “ปาไม คือ สังคมของ
ตนไมและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อันมีความสัมพันธซึ่งกันและกันและปกคลุมเนื้อที่กวางใหญมีการใชประโยชน
จากอากาศ น้ำ และวัตถุแรธาตุตางๆ ในดินเพื่อการเจริญเติบโตจนถึงอายุขัยและมีการสืบพันธุของตนเอง
ทั้งใหผลผลิตและบริการที่จำเปนอันจะขาดเสียมิไดตอมนุษย” ตอนปลายศตวรรษที่ 13 ในยุโรป “ปาไม
หมายถึง พื้นที่ที่พระมหากษัตริยไดสงวนไวเพื่อใชเปนสถานที่สำหรับลาสัตวของสวนพระองค สวนสิทธิ
ในการตัดไมและการกอสราง แผวถางปาเพื่อการเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตวยังเปนของประชาชนทั่วไปอยู”
ปจจุบันองคการอาหารและเกษตรแหงสหประชาชาติไดใหคำนิยามคำวา “ปาไม” หมายถึง “บรรดา
พื้นที่ที่มีพฤกษชาตินานาชนิดปกคลุมอยูโดยมีไมตนขนาดตางๆ เปนองคประกอบที่สำคัญ โดยไมคำนึง
วาจะมีการทำไมในพื้นที่ดังกลาวหรือไมก็ตาม สามารถผลิตไมหรือมีอิทธิพลตอลมฟาอากาศ หรือตอ
ระบบของน้ำในทองถิ่น นอกจากนี้พื้นที่ที่ไดถูกตัดฟน แผวถางหรือโคนเผาไมลง และมีเปาหมายที่จะ
ปลูกปาขึ้นในอนาคต ก็นับรวมเปนพื้นที่ปาไมดวย แตทั้งนี้มิไดนับเอาปาละเมาะ หรือหมูตนไมที่ขึ้นอยู
นอกปา หรือตนไมสองขางทางคมนาคม หรือที่ยืนตนอยูตามหัวไรปลายนา หรือที่ขึ้นอยูในสวนสาธารณะ
ใหเปนปาไมดวย” กรมปาไม (2558) ไดศึกษาสภาพปาไม พบวา จากอดีตเมื่อป พ.ศ. 2516 ประเทศไทย