Page 12 - แผนการใช้ที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
P. 12
1-2
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาดินเค็มส่วนหนึ่งเกิดมาจากการใช้ที่ดิน การปลูกพืช การสร้างอ่างเก็บน้ า
การตัดถนน การตัดไม้ท าลายป่า กิจกรรมเหล่านี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับน้ าใต้ดิน คือ ยกระดับน้ า
ใต้ดินสูงขึ้นท าให้ละลายเกลือซึ่งอยู่ตามธรรมชาติใต้ดินขึ้นมาบนผิวดินจึงท าให้เกิดปัญหาดินเค็ม ส่งผลให้
ไม่สามารถปลูกพืชได้ ในบางพื้นที่ปลูกพืชได้แต่ผลผลิตลดลง และรายได้ลดลง พื้นที่ดินเค็มใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งเป็น 3 ระดับความเค็ม คือ ระดับความเค็มน้อย ระดับความเค็มปานกลาง
และระดับความเค็มมาก เนื่องจากพื้นที่ดินเค็มระดับน้อย เป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกพืชบางชนิดได้ และ
เจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดินได้เผยแพร่ความรู้และวิธีการในการจัดการพื้นที่ดินเค็ม ธรณีพิบัติภัย ได้แก่
ดินถล่ม แผ่นดินไหว หลุมยุบ และการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหาย
แก่ประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติ และเศรษฐกิจ ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะแผ่นดินถล่ม ซึ่ง
ร้อยละ 21 ของพื้นที่ประเทศไทย มีความเสี่ยงต่อดินถล่มในระดับสูง ดินถล่มเกิดจากสาเหตุตาม
ธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ โดยกิจกรรมของมนุษย์มีส่วนเร่งให้เกิดมากขึ้น เช่น การตัดไม้ท าลายป่า
การปลูกพืชในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง การตั้งบ้านเรือนตามหุบเขาหรือตามทางน้ า การปลูกสร้าง
สิ่งก่อสร้างขวางทางน้ า เป็นต้น มูลค่าความเสียหายโดยรวมด้านทรัพยากรดินและการใช้ที่ดิน จาก
ปัญหาการพังทลายของหน้าดิน ปัญหาดินเค็ม และปัญหาดินถล่ม พบว่า มีมูลค่าความเสียหายเท่ากับ
7,477 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2519 จนปัจจุบัน ก็ยังอ้างข้อมูลดังกล่าว ถึงแม้ว่าจากการสอบถาม
ผู้เชี่ยวชาญด้านดิน พบว่า กิจกรรมของมนุษย์มีส่วนท าให้ดินเค็มแพร่กระจาย เช่น การตัดไม้ท าลายป่า
การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน การสร้างแหล่งน้ า เป็นต้น ดังนั้น จึงเสนอให้มีการจัดท าข้อมูลดินเค็ม
ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันทั้งที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์หรือเกิดตามธรรมชาติ
ส าหรับกรณีการสูญเสียธาตุอาหารที่เกิดจากการพังทลายของดิน ไม่ได้พิจารณาถึงปริมาณปุ๋ยที่ใส่เข้าไป
ในแต่ละปี การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของดินในระยะยาวที่เกิดจากวิธีการทางเขตกรรม การสูญเสียหน้าดิน
ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ า และกรณีของภัยพิบัติดินถล่มเป็นเพียงความเสียหาย
ของทรัพย์สิน ยังไม่ได้ค านึงถึงความเสียหายที่เกิดต่อระบบนิเวศ
1.2 วัตถุประสงค์
1.2.1 เพื่อจัดท าฐานข้อมูลแผนการใช้ที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
1.2.2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรดิน โดยการส ารวจ จ าแนกดิน วิเคราะห์ดิน
และวางแผนการใช้ที่ดินให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน
1.2.3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ด้านการพัฒนาที่ดินส าหรับใช้ประโยชน์ ในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
1.2.4 เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรดินและโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร อย่างมี
ประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับตัวภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
1.2.5 เพื่อส่งเสริมความสามารถของเกษตรกร เครือข่ายด้านการพัฒนาดิน และสถาบัน
เกษตรกร ในการยกระดับและเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร
1.3 ขอบเขตการด าเนินงาน
สถานที่ด าเนินงาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ระยะเวลา เดือนตุลาคม 2562 ถึง เดือนกันยายน 2563