Page 173 - เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ
P. 173
4-5
4.2 เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ
จากการใช้หลักเกณฑ์ในการจัดท าเขตการใช้ที่ดินพืช ดังเนื้อหาที่ได้กล่าวไว้แล้ว สามารถก าหนดเขตการ
ใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบของประเทศไทยได้ 3 เขต ได้แก่ 1) เขตการใช้ที่ดินมีความเหมาะสมมาก
ส าหรับปลูกยาสูบ (Z-I) มีการปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ และพันธุ์เวอร์ยิเนีย รวมทั้งพื้นที่เหมาะสมมาก
ส าหรับปลูกยาสูบพันธุ์เตอร์กิชในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด นครพนม และจังหวัดมหาสารคาม 2) เขตการใช้
ที่ดินมีความเหมาะสมปานกลางส าหรับปลูกยาสูบ (Z-II) เป็นพื้นที่ปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย พันธุ์เบอร์เลย์
และพันธุ์พื้นเมือง ที่มีความเหมาะสมปานกลาง 3) เขตการใช้ที่ดินมีความเหมาะสมเล็กน้อยส าหรับปลูก
ยาสูบ เป็นพื้นที่ปลูกยาสูบ พันธุ์เบอร์เลย์ พันธุ์เวอร์ยิเนีย และพันธุ์พื้นเมือง สภาพพื้นที่เหมาะสมต่อการ
ปลูกยาสูบเล็กน้อย สามารถก าหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบของประเทศไทย เป็นรายประเทศ ได้
ดังรายละเอียดดังตารางที่ 4-2 และรูปที่ 4-1
ตารางที่ 4-2 เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบของประเทศไทย
สัญลักษณ์ เขตการใช้ที่ดิน เนื้อที่ (ไร่) ร้อยละ
Z-I เขตเหมาะสมมากส าหรับปลูกยาสูบ 178,338 78.46
Z-II เขตเหมาะสมปานกลางส าหรับปลูกยาสูบ 119 0.05
Z-III เขตเหมาะสมเล็กน้อยส าหรับปลูกยาสูบ 48,833 21.49
รวมทั้งหมด 227,290 100.00
ที่มา: จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อก าหนดเขตการใช้ที่ดิน มุ่งเน้นเฉพาะพื้นที่ปลูกยาสูบในพื้นที่ภาคเหนือ และ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพื้นที่ปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ เวอร์ยิเนีย เตอร์กิช และพันธุ์พื้นเมือง โดยไม่รวม
พื้นที่ปลูกยาสูบพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกไว้เพื่อมวนยาเองในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกเพียงเล็กน้อย
เนื่องจากข้อมูลสภาพการใช้ที่ดินของกรมพัฒนาที่ดิน ไม่สามารถจ าแนกยาสูบพันธุ์พื้นเมืองที่ใช้ในการ
ท ายาเส้นออกไปได้ แต่ในการจัดท าเขตการใช้ที่ดินมีการน าข้อมูลของกรมสรรพสามิต และข้อมูลของการ
ยาสูบแห่งประเทศไทยมาใช้ในการวิเคราะห์ร่วมด้วย ท าให้สามารถก าหนดเขตการใช้ที่ดินเฉพาะพื้นที่ปลูก
ยาสูบเพื่อวัตถุประสงค์ในการแปรรูปโดยโรงงานยาสูบ และบริษัทรับซื้อเพื่อการส่งออก
จากการส ารวจพื้นที่และรวบรวมข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกยาสูบ ในปีเพาะปลูก พ.ศ. 2561/62 พบว่าพื้นที่
เพาะปลูกยาสูบในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการปลูกยาสูบอยู่เดิม บางพื้นที่ปรับเปลี่ยนไป
ปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน บางพื้นที่มีการปลูกพืชหมุนเวียน เนื่องจากเกษตรกรต้องการลด
ปัญหาเรื่องโรคแมลง ต้องมีการปลูกพืชหมุนเวียนสลับกับการปลูกยาสูบ เพื่อตัดวงจรโรคแมลง ส่วนแปลงปลูก
ยาสูบจะย้ายไปในบริเวณใกล้เคียงซึ่งต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรรายเดิม เนื่องจากข้อผูกมัดในการขอ
อนุญาตปลูกยาสูบจากกรมสรรพสามิต มีการระบุพื้นที่ และเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินชัดเจน ทั้งนี้การปลูกยาสูบ
ในพื้นที่ป่าไม้ตามกฎหมายซึ่งไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิในที่ดินจะไม่สามารถขอโควตาการปลูกยาสูบจากการ
ยาสูบแห่งประเทศไทยได้ และจะไม่ได้รับการเงินชดเชยกรณีปรับลดโควตายาสูบ
การก าหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบของประเทศไทย 227,290 ไร่ สามารถวิเคราะห์
เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบเป็นรายภาค ได้แก่ เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบภาคเหนือ
เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน