Page 11 - การใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลเพื่อศึกษารูปแบบการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ
P. 11

1







                                                              บทที่ 1
                                                               บทน า


                       1.1 หลักการและเหตุผล
                               ประเทศไทยมีพื นที่ประมาณ 321 ล้านไร่ หรือประมาณ 513,000 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื นที่

                       ส าหรับการเกษตร ประมาณ 138 ล้านไร่ หรือ ร้อยละ 43 เปอร์เซ็นต์ของเนื อที่ประเทศ  ซึ่งใน พ.ศ. 2565
                       รายได้ของภาคเกษตรคิดเป็นร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross Domestic
                       Production: GDP) และภาคเกษตรยังคงมีการจ้างงานถึงเกือบ 1 ใน 3 ของก าลังแรงงาน (เกียรติคุณ
                       และคณะ, 2565) พืชเศรษฐกิจของประเทศไทยหลายชนิดเป็นสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และ

                       ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลลิตที่มีคุณภาพดี เช่น อ้อย ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน  าตาลอันดับที่ 2 ของ
                       โลก ปีละกว่า 6 ล้านตัน สร้างรายได้ถึง 100,000 ล้านบาท มีโรงงานน  าตาล 47 แห่ง ต้องการอ้อยเข้าหีบ
                       มากกว่า 100 ล้านตันต่อปี (วีระพล, 2558; ชัยวัช, 2564ข) มันส าปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้
                       ให้กับประเทศเป็นปริมาณมาก โดยตลาดใหญ่ของมันส าปะหลังไทยคือประเทศจีนที่นิยมน าไปแปรรูปเป็น

                       สิ่งต่างๆ เช่น อาหารสัตว์ แต่งรสอาหาร น  ามันเอทานอล (ชัยวัช, 2564ก) สับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจที่
                       ส าคัญของไทยที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากใช้บริโภคภายในประเทศ
                       แล้ว สับปะรดยังสามารถน ามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น สับปะรดกระป๋อง น  าสับปะรด

                       สับปะรดแช่แข็ง สับปะรดอบแห้ง เป็นต้น สับปะรดเป็นพืชที่มีความส าคัญในอุตสาหกรรมเกษตรสามารถ
                       สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจ านวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสับปะรดกระป๋อง ประเทศไทยมีปริมาณการ
                       ผลิตและการส่งออกสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยมูลค่าการส่งออกมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี
                       (สถาบันวิจัยพืชสวน, 2560) ผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ น โดยความต้องการใช้จะ
                       ขยายตัวตามทิศทางของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่มีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ และอุปกรณ์

                       การแพทย์โดยเฉพาะถุงมือยาง รวมทั งการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื นฐานที่จะเพิ่มความต้องการใช้ยางใน
                       ภาคก่อสร้าง ประกอบกับราคาน  ามันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ท าให้มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพื่อ
                       ทดแทนยางสังเคราะห์เพิ่มขึ น (ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565ข) น  ามันปาล์มมีปริมาณและมูลค่า

                       ส่งออกเพิ่มขึ น เนื่องจากราคาน  ามันปาล์มในตลาดโลกสูงกว่าราคาน  ามันปาล์มในประเทศ ประกอบกับ
                       ความต้องการที่เพิ่มขึ นของตลาดโลกโดยเฉพาะประเทศอินเดีย ท าให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ น
                       (ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565ข) แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์สินค้าเกษตรที่เป็นพืชเศรษฐกิจ
                       หลักของไทย ได้เผชิญปัจจัยท้าทายหลากหลายทั งในและต่างประเทศ ส่งผลกดดันต่อความผันผวน

                       ทางด้านราคา และอาจยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง ส่งผลให้การก าหนดราคาขายของผู้ประกอบการค้า
                       พืชเกษตรมีความไม่แน่นอนและส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงทางรายได้ของเกษตรกร (ส านักงานเศรษฐกิจ
                       การเกษตร, 2565ก) ปัจจุบันที่ก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการจัดการด้าน
                       เกษตรกรรมและธุรกิจเกษตร โดยภาครัฐบทบาทในด้านการให้บริการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ท าให้

                       ผู้ประกอบการทั งเกษตรกร และภาคธุรกิจสามารถติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรด้านต่างๆ อาทิ เนื อที่
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16