Page 62 - รายงานประจำปี 2565
P. 62
แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่แล้งซ้ำซาก
โดย นางสาวอัจฉรี สิงห์โต นักวิชาการเกษตรชำนาญการ
กลุ่มวางแผนการจัดการที่ดินในพื้นที่เสี่ยงภัยทางการเกษตร
ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีผลกระทบโดยตรงกับการเกษตรและแหล่งน้ำ โดยเป็นภัยแล้งที่เกิดจาก
การขาดฝนหรือฝนแล้งในช่วงฤดูฝน และเกิดฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนต่อเนื่องเดือนกรกฎาคม โดยภัยแล้ง
ส่วนใหญ่เป็นภัยแล้งที่เกิดเนื่องจากมีการกระจายของฝนไม่สม่ำเสมอ สภาพพื้นดินมีเนื้อดินเป็นดินทรายทำให้
ความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ ปริมาณน้ำใต้ดินที่สามารถนำมาใช้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ สภาพการใช้ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ และ
พื้นที่การเกษตรอื่น ๆ ที่อาศัยน้ำฝนเกือบทั้งหมด ทำให้พื้นที่ดังกล่าวขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรกรรม ซึ่งสร้าง
ความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรมเป็นประจำทุกปี นอกจากภัยแล้งจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว ยังอาจเกิดจาก
การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ ทำให้เกิดความเสียสมดุลด้านระบบ
นิเวศวิทยาของพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำและยังมีผลกระทบทางอ้อมกับ
ปริมาณน้ำฝน ประกอบกับสภาวะของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยรวมของโลก (Climate Change)
ที่มีความแปรปรวนและมีความซับซ้อนส่งผลให้ปรากฏการณ์เอลนีโญ่ (El Nino) มีความรุนแรงมากขึ้นทำให้
ประเทศไทยประสบกับภัยแล้ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่
ภัยแล้งจึงส่งผลเสียหายต่อกิจกรรมทางการเกษตร เช่น พื้นดินขาดความชุ่มชื้น พืชขาดน้ำ พืชชะงัก การเจริญเติบโต
ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพต่ำ รวมถึงปริมาณผลผลิตที่ลดลง
แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่แล้งซ้ำซากที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี จำเป็นต้องมี
แนวทางที่สามารถแยกได้ชัดเจนตามระดับความรุนแรงของการเกิดแล้งซ้ำซากในพื้นที่เกษตรกรรม กล่าวคือ
การใช้แนวคิดเพื่อปฏิบัติในการลดโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เกษตรกรสามารถเตรียมความพร้อม
รับมือกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยสามารถดำเนินการได้ดังนี้
1. พื้นที่แล้งซ้ำซากตั้งแต่ 6 ครั้งขึ้นไปในรอบ 10 ปี ควรแนะนำให้เกษตรกรในพื้นที่งดหรือลดการเพาะปลูก
เป็นการลดความล่อแหลม หรือสภาวะการเปิดรับต่อความเสี่ยงภัยแล้ง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรนอกเขต
ชลประทาน ดังนั้นกรณีพื้นที่ดังกล่าวมีการปลูกพืชที่เป็นพืชอายุปีเดียว เช่น ข้าว ข้าวโพด ถ้าไม่มีแหล่งน้ำสำรอง
ควรงดการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง ส่วนพืชที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี ควรมีการเพิ่มอินทรียวัตถุในดินเพื่อเป็นการ
เพิ่มช่องว่างในดินทำให้ดินสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ รวมถึงสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรในเรื่องของภัยแล้ง เป็นการเพิ่ม
ศักยภาพ หรือขีดความสามารถในการรับมือกับภัยแล้ง เช่น ให้ทราบถึงพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งก่อนทำการเพาะปลูก
ในฤดูถัดไป มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงที่เกิดสภาวะแห้งแล้ง
ภาพที่ 1 งดหรือลดการเพาะปลูก
60