Page 19 - เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจข้าวนาปรัง
P. 19

2-3





                  และเกาะเต่า เป็นต้น ส่วนทะเลฝั่งตะวันตก มีเกาะตะรุเตา เกาะลันตา และเกาะลิบง เป็นต้น รวมถึง เกาะ

                  ภูเก็ตซึ่งนับว่าเป็นเกาะที่มีความส าคัญทางเศรษฐกิจและใหญ่ที่สุดของประเทศ

                  2.2  สภาพภูมิอากาศ

                        2.2.1 ลมมรสุม
                            ประเทศไทยตั้งอยู่ในคาบสมุทรอินเดีย ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุม

                  ตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย
                  ระหว่างกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม มรสุมนี้จะน ามวลอากาศชื้นจากมหาสมุทรอินเดียมาสู่
                  ประเทศไทย ท าให้มีเมฆมากและฝนตกชุกทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามบริเวณชายฝั่งทะเลและ
                  เทือกเขาด้านรับลมจะมีฝนตกมากกว่าบริเวณอื่น

                            ส่วนลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จะพัดปกคลุมประเทศไทยจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
                  ลมมรสุมนี้มีแหล่งก าเนิดจากบริเวณหย่อมความกดอากาศสูง บนซีกโลกเหนือแถบประเทศมองโกเลีย
                  และสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงพัดพาเอามวลอากาศเย็นและแห้งจากแหล่งก าเนิดเข้ามาปกคลุม
                  ประเทศไทย ท าให้ท้องฟ้าโปร่ง อากาศหนาวเย็น และแห้งแล้งทั่วไป โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาค

                  ตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกชุก โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออก เนื่องจากมรสุมนี้น า
                  ความชุ่มชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุม การเริ่มต้นและสิ้นสุดมรสุมทั้งสองชนิดอาจผันแปรไปจากปกติได้
                  ในแต่ละปี

                        2.2.2 ฤดูกาล
                            ประเทศไทยแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้

                            1) ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็น
                  ช่วงเปลี่ยนจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นระยะที่ขั้วโลกเหนือ
                  หันเข้าหาดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะเดือนเมษายน บริเวณประเทศไทยมีดวงอาทิตย์อยู่เกือบตรงศีรษะ
                  ในเวลาเที่ยงวัน ท าให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่ สภาวะอากาศจึงร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป ในฤดูนี้

                  แม้ว่าจะมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง แต่บางครั้งอาจมีมวลอากาศเย็นจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมา
                  ปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน ท าให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นกับมวลอากาศร้อนที่ปกคลุม
                  อยู่เหนือประเทศไทย ก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง หรืออาจมีลูกเห็บตกก่อให้เกิด

                  ความเสียหายได้ พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในฤดูนี้มักถูกเรียกว่า “พายุฤดูร้อน”
                            2) ฤดูฝน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม เมื่อลมมรสุม
                  ตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย และร่องความกดอากาศต่ าพาดผ่านประเทศไทยท าให้มีฝน
                  ตกชุกทั่วไป ร่องความกดอากาศต่ านี้ปกติจะพาดผ่านภาคใต้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แล้วจึงเลื่อนขึ้นไป
                  ทางเหนือตามล าดับ จนถึงช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายนจะพาดผ่านบริเวณสาธารณรัฐประชาชนจีน

                  ตอนใต้ ท าให้ฝนในประเทศไทยลดลงระยะหนึ่ง เรียกช่วงนี้ว่า “ฝนทิ้งช่วง” ซึ่งอาจนานประมาณ 1-2
                  สัปดาห์ หรือบางปีอาจเกิดขึ้นรุนแรงและมีฝนน้อยนานนับเดือน ในเดือนกรกฎาคมร่องความกดอากาศต่ า
                  เลื่อนกลับลงมาจากทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน พาดผ่านบริเวณประเทศไทยอีกครั้ง ท าให้มีฝน

                  ตกชุกต่อเนื่อง และปริมาณฝนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ยกเว้นภาคใต้ที่ยังคงมี
                  ฝนตกชุกต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม และมักมีฝนตกหนักถึงหนักมากจนก่อให้เกิดอุทกภัย โดยเฉพาะ
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24