Page 179 - เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ
P. 179
4-11
2) โรงงานยาสูบสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ เพื่อด าเนิน
กิจกรรมตั้งแต่การจัดหาปัจจัยในการผลิตจนถึงการจ าหน่ายผลผลิต และสามารถสร้างความร่วมมือในการ
บริหารจัดการป้องกันศัตรูพืช การควบคุมคุณภาพผลผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ในหมู่สมาชิก
4.3.4 มาตรการจูงใจเจ้าของที่ดินในการปลูกยาสูบ เนื่องจากพื้นที่ปลูกยาสูบของประเทศลดลง
โดยมีการเปลี่ยนการใช้ที่ดินจากพื้นที่ปลูกยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
เนื่องจากมาตรการจัดเก็บภาษีที่สูงขึ้น และผลกระทบของยาสูบต่อสุขภาพ อันจะส่งผลให้ขาดแคลนยาสูบ
ในอนาคต แต่เนื่องจากประโยชน์ของยาสูบสามารถใช้ท าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ นอกเหนือจากการน าไปใช้
ท าบุหรี่ หรือยาเส้นเพื่อใช้สูบ ดังนั้น ภาครัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิด
ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิตสารก าจัดแมลงจากยาสูบ เป็นต้น
โดยควรมีมาตรการต่างๆ ดังนี้
1) นโยบายส่งเสริมและจ่ายค่าชดเชยให้เกษตรกรที่มีการขึ้นทะเบียนกับโรงงานยาสูบ หรือ
กรมสรรพสามิต เช่น ชดเชยค่าต้นพันธุ์ในการปลูกยาสูบทดแทนในแปลงที่ได้รับผลกระทบจากภัย
ธรรมชาติ ได้แก่ ภัยธรรมชาติจากพายุลูกเห็บ (ปี พ.ศ. 2561) อุทกภัย ภัยแล้ง เป็นต้น
2) การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเพื่อปลูกยาสูบ ตามโครงการ Zoning by
Agri-Map โดยรัฐบาลจะเข้ามาสนับสนุนปัจจัยการผลิตบางรายการ
3) สร้างความมั่นคงและความมั่นใจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ โดยใช้มาตรการที่ด าเนินกับ
พืชเศรษฐกิจอื่น เช่น การประกันรายได้เกษตรกร การใช้ระบบตลาดเพื่อรักษาเสถียรภาพของผลผลิตยาสูบ
และใช้กลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้แก่เกษตรกร
4.4 สรุปและข้อเสนอแนะ
สรุป
การก าหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบนี้ เป็นการพิจารณาจัดท าเขตการใช้ที่ดิน
พืชเศรษฐกิจยาสูบเฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรม ตามรายงานเขตความเหมาะสมของดินกับการปลูก
พืชเศรษฐกิจเท่านั้น ไมรวมพื้นที่ในเขตสงวนของรัฐ เช่น เขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งในหลายพื้นที่มีราษฎร
บุกรุกพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ดังนั้น การก าหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ
ในรายงานฉบับนี้มีการก าหนดการใช้ที่ดิน แบ่งเป็น 3 เขตหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการผลผลิตยาสูบ
จากการก าหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ ได้แก่
1) เขตการใช้ที่ดินมีความเหมาะสมมากส าหรับปลูกยาสูบ (Z-I) มีการปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์
และพันธุ์เวอร์ยิเนีย รวมทั้งพื้นที่เหมาะสมมากส าหรับปลูกยาสูบพันธุ์เตอร์กิชในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
นครพนม และจังหวัดมหาสารคาม จะต้องให้ได้ผลผลิตต่อไร่ 450 กิโลกรัมต่อไร่ ส าหรับยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์
จะต้องให้ได้ผลผลิตต่อไร่ 350 กิโลกรัมต่อไร่ ส าหรับยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย และจะต้องให้ได้ผลผลิตต่อไร่
200 กิโลกรัมต่อไร่ ส าหรับยาสูบพันธุ์เตอร์กิช โดยได้ผลผลิตรวม 134,744 ตัน
2) เขตการใช้ที่ดินมีความเหมาะสมปานกลางส าหรับปลูกยาสูบ (Z-II) เป็นพื้นที่ปลูกยาสูบพันธุ์
เวอร์ยิเนีย พันธุ์เบอร์เลย์และพันธุ์พื้นเมือง ที่มีความเหมาะสมปานกลาง จะต้องให้ได้ผลผลิตต่อไร่ 400 กิโลกรัมต่อไร่
ส าหรับยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ และจะต้องให้ได้ผลผลิตต่อไร่ 300 กิโลกรัมต่อไร่ส าหรับยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย
และพันธุ์พื้นเมือง และได้ผลผลิตรวม 2,642 ตัน
เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจยาสูบ กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน