Page 14 - การใช้ข้อมูลสำรวจระยะไกลเพื่อศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่เสี่ยง การเป็นดินกรดและดินเค็ม ภาคกลางของประเทศไทย
P. 14

8






                                               2.1.2) การเก็บข้อมูลภาคสนาม ท าการเก็บข้อมูลทั้ง 3 อ าเภอ 1 ครั้ง
                       ในเดือนมีนาคม 2564 ได้แก่
                                                       1) การส ารวจตรวจสอบรายละเอียดสภาพการใช้ที่ดินภาคสนาม
                       ในพื้นที่จริง พร้อมแก้ไขรายละเอียดให้มีความถูกต้องตรงกับสภาพปัจจุบัน

                                                       2) เก็บตัวอย่างดินแปลงละ 3 จุดแล้วน ามาคลุกเคล้ารวมกันแล้ว
                       ส่งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดิน ภาคปฐพีวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ค่า
                       ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) โดยใช้การวิเคราะห์แบบ 1:1 ค่าการน าไฟฟ้า (EC) โดยใช้การวิเคราะห์แบบ
                       EC 1:5 และ ปริมาณอินทรียวัตถุ (OM)

                                                       3) น าเข้าข้อมูลภาคสนามและการสร้างฐานข้อมูลสารสนเทศ
                       ภูมิศาสตร์ (GIS database) เป็นการจัดท าข้อมูลทั้งเชิงพื้นที่ (Spatial data) และข้อมูลเชิงคุณลักษณะ
                       (Attribute data) ของข้อมูลจากภาคสนาม และข้อมูลแผนที่จากส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยการน าเข้าในระบบ
                       สารสนเทศด้วยโปรแกรมวิเคราะห์และประมวลผลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ดังนี้

                                                          3.1) การสร้างฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ เป็นการน าเข้าข้อมูลในรูปแผน
                       ที่
                       ซึ่งมีค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์เพื่อใช้วิเคราะห์และประมวลผลเชิงพื้นที่

                                                          3.2) การสร้างฐานข้อมูลเชิงคุณลักษณะ เป็นการน าเข้าข้อมูลด้าน
                       คุณลักษณะต่างๆ ของแผนที่และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเชิงพื้นที่ เช่น ประเภทการใช้ที่ดิน เนื้อที่ ค าอธิบายต่างๆ
                       เป็นต้นเพื่อท าให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลทั้ง 2 ประเภท เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และประมวลผล
                       ในระบบสารสนเทศต่อไป
                                                       4) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลค่าการสะท้อนแสงกับข้อมูล

                       ภาคสนาม โดยใช้สมการทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ regression model โดยพิจารณาค่าความสัมพันธ์จากค่า
                       p-value และ r-square โดยใช้โปรแกรมประมวลผลทางสถิติ
                                                       5) สรุปผลและจัดท ารายงาน
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19