Page 49 - รายงานการประเมินคุณภาพที่ดินด้านเศรษฐกิจังหวัดชัยนาท
P. 49

4.1.3 การประเมินความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจของประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน
                                1) การประเมินความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจในการผลิตพืช อยู่ในระดับความเหมาะสมสูง (S1)
                  ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 4 ข้าวนาปีตามด้วยข้าวนาปรัง กลุ่มชุดดินที่ 5 ข้าวนาปีตามด้วยข้าวนาปรัง กลุ่มชุดดินที่ 21

                  ข้าวนาปีตามด้วยข้าวนาปรัง และกลุ่มชุดดินที่ 35 ส้มโอ
                                2) การประเมินความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจในการผลิตพืช อยู่ในระดับความเหมาะสม
                  ปานกลาง (S2) ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 4 ส้มโอ กลุ่มชุดดินที่ 18 ข้าวนาปี มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงาน
                  กลุ่มชุดดินที่ 21 ส้มโอ และกลุ่มชุดดินที่ 35 ข้าวนาปี และมันสำปะหลัง
                                3) การประเมินความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจในการผลิตพืช อยู่ในระดับความเหมาะสม

                  เล็กน้อย (S3) ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 35 อ้อยโรงงาน

                  4.2 ข้อเสนอแนะ

                           4.2.1 ข้อเสนอแนะจากการดำเนินงาน

                                1) จากการประเมินความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจของประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน
                  พบว่า การปลูกข้าวนาปีตามด้วยข้าวนาปรังในกลุ่มชุดดินที่ 4, 5 และกลุ่มชุดดินที่ 21 และการปลูกส้มโอ

                  ในกลุ่มชุดดินที่ 35 อยู่ในระดับความเหมาะสมสูง (S1) ดังนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต และ

                  เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ เพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการใช้
                  ประโยชน์ที่ดินให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ และยังสามารถใช้เป็นข้อมูลในการจูงใจให้เกษตรกรปรับเปลี่ยน

                  การผลิตทางการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ต่อไป
                                2) เกษตรกรส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษามากที่สุด ซึ่งเกษตรกรมีความสำคัญ

                                                                            ุ
                  และบทบาทในการตัดสินใจในการทำเกษตร ทั้งนี้ การศึกษาอาจเป็นอปสรรคต่อการพฒนาการเกษตรหรือ
                                                                                         ั
                  ถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปสู่เกษตรกรอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น ภาครัฐควรส่งเสริมความรู้หรือ
                  เทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยการฝึกอบรมความรู้ทางด้านการเกษตรผสานกับ

                  ภูมิปัญญาหรือประสบการณ์ของเกษตรกรที่มีอยู่ และเพิ่มมาตรการจูงใจในการหาความรู้ เพื่อนำไปใช้
                  ประโยชน์ในการพัฒนาการเกษตรของตนเอง

                                3) เกษตรกรส่วนใหญ่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น ภาครัฐควรส่งเสริมหรือสรรหาเกษตรกร

                  รุ่นใหม่ทดแทน เพื่อช่วยในการพัฒนาคุณภาพและระบบการผลิตทางการเกษตร โดยการถ่ายทอด
                  เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมการผลิตพืชใหม่ ๆ ส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัล ส่งเสริมการนำแอปพลิเคชัน

                  ด้านการเกษตรมาใช้ในภาคการเกษตร และถอดความรู้หรือภูมิปัญญาหรือประสบการณ์ของเกษตรกร
                  ผู้สูงอายุ เพื่อนำมาปรับใช้ในด้านการเกษตร และส่งต่อความรู้หรือประสบการณ์ไปยังบุตรหลานต่อไป

                  ในอนาคต
                                4) เกษตรกรส่วนใหญ่ประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร

                  และรายได้ของเกษตรกรที่ลดลง โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐในการจัดสร้าง
                  แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ดังนั้น ภาครัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นหน่วยงานที่มี
                  โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ควรดำเนินการสำรวจและช่วยเหลือในเรื่องการจัดหาหรือ

                  จัดสร้างแหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น

                                                                             ี่
                  รายงานการประเมินคุณภาพที่ดินด้านเศรษฐกิจสำหรับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในระดับพื้นท จังหวัดชัยนาท   41
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54