Page 139 - รายงานแผนการใช้ที่ดินแม่กกตอนล่าง
P. 139
3-91
มากยิ่งขึ้น บทลงโทษส าหรับผู้ฝ่าฝืนก็ไม่เหมาะสมกับกาลสมัย ผู้กระท าผิดไม่เข็ดหลาบ เป็นช่องทางให้
มีการบุกรุกท าลายป่ามากขึ้น รัฐจึงได้ปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้เสียใหม่เพื่อให้สามารถด าเนินการคุ้มครอง
ป้องกัน เพื่อรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าและเพื่อมิให้อาชีพการเกษตรกรรมของประชาชน
ส่วนใหญ่ และเศรษฐกิจของประเทศถูกกระทบกระเทือนจากผลของการท าลายป่า กฎหมายฉบับนี้ได้
แก้ไขเพิ่มเติมเป็นฉบับที่ 2, 3 และ 4 ในปี 2522, 2528 และ 2559 ตามล าดับ โดยมาตราส าคัญของ
กฎหมายฉบับนี้ อยู่ใน หมวด 1 “การก าหนดป่ าสงวนแห่งชาติ” (มาตรา 6 และ มาตรา 7) และหมวด 2
“การควบคุมและรักษาป่ าสงวนแห่งชาติ” (มาตรา 14-30)
มาตรา 6 บรรดาป่าที่เป็นป่าสงวนอยู่แล้วตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองและสงวนป่า
ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติตามพระราชบัญญัตินี้
เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรก าหนดป่าอื่นใดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อรักษา
สภาพป่าไม้ ของป่าหรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น ให้กระท าโดยออกกฎกระทรวงซึ่งต้องมีแผนที่แสดง
แนวเขตป่าที่ก าหนดเป็นป่าสงวนแห่งชาตินั้นแนบท้ายกฎกระทรวงด้วย
มาตรา 7 การเปลี่ยนแปลงเขตหรือเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าใด ไม่ว่าทั้งหมด
หรือบางส่วนให้กระท าได้โดยออกกฎกระทรวง และเฉพาะกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเพิกถอน
บางส่วนให้มีแผนที่แสดงแนวเขตที่เปลี่ยนแปลง หรือเพิกถอนนั้นแนบท้ายกฎกระทรวงด้วย
ส าหรับ มาตรา 14-30 ซึ่งเป็นการด าเนินงานในด้านการควบคุมและรักษาป่าสงวน
แห่งชาติและการลงโทษผู้ฝ่าฝืน จะใช้ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และระเบียบกรมป่าไม้
เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติ
2) พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติฉบับนี้ เพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีอยู่
เช่น พันธุ์ไม้และของป่า สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ ป่าและภูเขา ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้
ถูกท าลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่ออ านวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชน
สืบไปโดยมาตราส าคัญของกฎหมายฉบับนี้อยู่ใน หมวด 1 “การก าหนดที่ดินให้เป็นอุทยานแห่งชาติ”
(มาตรา 6-8) และหมวด 3 “การคุ้มครองและดูแลอุทยานแห่งชาติ” (มาตรา 16-22)
มาตรา 6 เมื่อรัฐบาลเห็นสมควรก าหนดบริเวณที่ดินแห่งใดที่มีสภาพธรรมชาติเป็นที่
น่าสนใจให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม เพื่อสงวนไว้ให้เป็นประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของ
ประชาชน ก็ให้มีอ านาจกระท าได้ โดยประกาศพระราชกฤษฎีกาและให้มีแผนที่แสดงแนวเขตแห่ง
บริเวณที่ก าหนดนั้นแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย บริเวณที่ก าหนดนี้เรียกว่า “อุทยานแห่งชาติ” ที่ดิน
ที่จะก าหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาตินั้น ต้องเป็นที่ดินที่มิได้อยู่ในกรรมสิทธิ์หรือครอบครองโดยชอบ
ด้วยกฎหมายของบุคคลใด ซึ่งมิใช่ทบวงการเมือง