Page 64 - แผนการใช้ที่ดินจังหวัดเชียงราย
P. 64
3-8
2) การชะล้างพังทลายของดิน
การชะล้างพังทลายของดิน เป็นปรากฏการณ์การที่หน้าดินถูกน้ าหรือลมกัดเซาะและ
พัดพาไปทับถมที่อื่น เป็นผลท าให้เกิดการสูญเสียหน้าดินซึ่งเป็นแหล่งของธาตุอาหารพืช และกระทบต่อ
ประสิทธิภาพในการผลิตพืช ซึ่งการชะล้างพังทลายของดินที่เกิดขึ้นในประเทศไทยส่วนใหญ่มีอิทธิพลจากน้ า
โดยหลังจากจากที่เม็ดฝนกระแทกผิวดิน มีผลท าให้เม็ดดินแตกเป็นอนุภาคเล็ก ส่วนหนึ่งไหลซึมลงไปในดิน
ขณะที่ส่วนหนึ่งอุดตามช่องว่างในเนื้อดิน ท าให้การซึมของน้ าลดลง และเมื่อดินอิ่มตัวด้วยน้ าท าให้เกิดการ
ไหลบ่าล้นผิวดิน แล้วพัดพาตะกอนดินสู่ที่ต่ า ความเร็วและแรงของน้ าเพิ่มมากขึ้นตามความลาดชันและ
ความยาวของพื้นที่ จากนั้นน้ าที่ไหลบ่าจะกัดเซาะผิวดินให้เป็นร่องเล็กและใหญ่ขึ้นเมื่อมีการกัดเซาะมากขึ้น
ในการประเมินการชะล้างพังทลายของดินของจังหวัดเชียงราย ใช้สมการสูญเสียดินสากล (Universal Soil
Loss Equation : USLE) ของ Wischmeier & Smith (1978) ส าหรับวิเคราะห์ปริมาณดินที่สูญเสียจากการ
ชะล้างพังทลาย โดยมีรูปแบบของสมการ ดังนี้
A = RKLSCP
A คือ ปริมาณดินที่สูญเสียที่ค านวณได้ต่อพื้นที่ (ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี)
R คือ ค่าปัจจัยของน้ าฝนและการไหลบ่า (rainfall and runoff erosivity factor) ซึ่ง
สามารถอธิบายได้จากค่าความสัมพันธ์ของพลังงานจลน์ของเม็ดฝนที่ตกกระทบผิวหน้าดินกับปริมาณความ
หนาแน่นของฝนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในที่นี้ใช้ข้อมูลปริมาณน้ าฝนเลลี่ยรายปี (Average annual rainfall)
มาใช้ในการวิเคราะห์
K คือ ค่าปัจจัยความคงทนต่อการถูกชะล้างพังทลายของดิน (soil erodibility factor)
ซึ่งภายใต้สภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกันดินแต่ละชนิดจะทนต่อการชะล้างพังทลายได้แตกต่างกัน โดยจะเป็น
ผลมาจากสมบัติเลพาะของดินนั้นๆ สามารถวิเคราะห์ค่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะดินนี้ จากภาพ
Nomograph โดยประเมินได้จากสมบัติของดิน 5 ประการคือ 1) ผลรวมปริมาณร้อยละดินของทรายแป้งและ
ปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก 2) ปริมาณร้อยละของทราย 3) ปริมาณร้อยละอินทรียวัตถุในดิน
4) โครงสร้างของดิน และ 5) การซาบซึมน้ าของดิน ซึ่งกรมพัฒนาที่ดิน (2545) ได้ศึกษาปัจจัยดังกล่าวและ
ให้ค่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของดินสอดคล้องตามเนื้อดินบนของแต่ละพื้นที่ คือ บริเวณที่สูงและ
บริเวณที่ลุ่มต่ า ซึ่งในการประเมินอัตราการชะล้างพังทลายของดินครั้งนี้ใช้ค่า K ตามเนื้อดินบนในภาคเหนือ
LS คือ ค่าปัจจัยความลาดชันของพื้นที่ (slope length and slope steepness
factors) เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความลาดชันและความยาวของความลาดชัน ตามปกติแล้วค่าการชะล้าง
พังทลายของดินนั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อความลาดชันสูงขึ้นและเมื่อความยาวของความลาดชันลดลง ซึ่งในการ
ประเมินอัตราการชะล้างพังทลายของดินครั้งนี้ใช้ค่าปัจจัยรวมของความลาดชันและความยาวของความลาด
ชันตามการศึกษาของกรมพัฒนาที่ดิน (2545)
C คือ ค่าปัจจัยการจัดการพืช (cropping management factor) เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
กับพืชคลุมดิน ซึ่งพืชแต่ละชนิดย่อมมีความต้านทานในการชะล้างพังทลายของดินที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับ
ความสูงของต้น ลักษณะพุ่ม หรือการยึดอนุภาคดินของรากพืชนั้นๆ เป็นต้น ในกรณีที่ไม่มีพืชปกคลุมดิน
ปัจจัยนี้จะมีค่าเท่ากับหนึ่ง ส่วนกรณีที่พืชปกคลุมดินสามารถต้านทานการชะล้างพังทลายของดินได้ดีขึ้น
ส่งผลให้วิธีการปลูกพืชทุกชนิดจะให้ค่าปัจจัยนี้น้อยกว่าหนึ่ง นอกจากนี้แล้วปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ
พืชนี้ยังมีความสัมพันธ์กับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่นั้นๆอีกด้วย เนื่องจากสภาพภูมิอากาศนั้นมีผลต่อการ