Page 67 - แผนการใช้ที่ดินจังหวัดพังงา
P. 67

3-13





                      3.3.2 การชะล้างพังทลายของดิน

                          การประเมินการชะล้างพังทลายของดินของจังหวัดพังงาใช้สมการการสูญเสียดินสากล
                  (Universal Soil Loss Equation : USLE) ของ Wischmeier& Smith (1978) มีรูปสมการดังนี้
                                             A = R K L S C P

                              A คือค่าการสูญเสียดินต่อหน่วยของพื้นที่
                              R คือค่าที่รวมทั้งปัจจัยของน้ าฝนและการไหลบ่า (Rainfall and runoff erosivityfactor)
                  ซึ่งสามารถอธิบายได้จากค่าความสัมพันธ์ของพลังงานจลน์ของเม็ดฝนที่ตกกระทบผิวหน้าดินกับปริมาณ
                  ความหนาแน่นของฝนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในที่นี้ใช้ข้อมูลปริมาณน้ าฝนเฉลี่ยรายปี (Average annual
                  rainfall) มาใช้ในการวิเคราะห์

                              K คือค่าปัจจัยความคงทนต่อการถูกชะล้างพังทลายของดิน (Soil erodibility factor)
                  ซึ่งภายใต้สภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกันดินแต่ละชนิดจะทนต่อการชะล้างพังทลายได้แตกต่างกันโดยจะ
                  เป็นผลมาจากสมบัติเฉพาะของดินนั้นๆ สามารถวิเคราะห์ค่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะดินนี้ จากภาพ

                  Nomograph โดยประเมินได้จากสมบัติของดิน 5 ประการคือ 1) ผลรวมปริมาณร้อยละดินของทรายแป้ง
                  และปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก 2) ปริมาณร้อยละของทราย3) ปริมาณร้อยละอินทรียวัตถุในดิน
                  4) โครงสร้างของดิน และ 5) การซาบซึมน้ าของดินซึ่งกรมพัฒนาที่ดิน (2545) ได้ศึกษาปัจจัยดังกล่าวและ
                  ให้ค่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของดินสอดคล้องตามเนื้อดินบนของแต่ละพื้นที่ คือ บริเวณที่สูงและ

                  บริเวณที่ลุ่มต่ า ซึ่งในการประเมินอัตราการชะล้างพังทลายของดินครั้งนี้ใช้ค่า K ตามเนื้อดินบนในภาคใต้
                              LS คือค่าปัจจัยความลาดชันของพื้นที่ (Slope length and slope steepnessfactors)
                  เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความลาดชันและความยาวของความลาดชัน ตามปกติแล้วค่าการชะล้างพังทลาย
                  ของดินนั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อความลาดชันสูงขึ้นและเมื่อความยาวของความลาดชันลดลง ซึ่งในการประเมิน

                  อัตราการชะล้างพังทลายของดินครั้งนี้ใช้ค่าปัจจัยรวมของความลาดชันและความยาวของความลาดชัน
                  ตามการศึกษาของกรมพัฒนาที่ดิน (2545)
                              C คือค่าปัจจัยการจัดการพืช (crop management factor) เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ
                  พืชคลุมดินซึ่งพืชแต่ละชนิดย่อมมีความต้านทานในการชะล้างพังทลายของดินที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับ

                  ความสูงของต้น ลักษณะพุ่ม หรือการยึดอนุภาคดินของรากพืชนั้นๆ เป็นต้น ในกรณีที่ไม่มีพืชปกคลุมดิน
                  ปัจจัยนี้จะมีค่าเท่ากับหนึ่ง ส่วนกรณีที่พืชปกคลุมดินสามารถต้านทานการชะล้างพังทลายของดินได้ดีขึ้น
                  ส่งผลให้วิธีการปลูกพืชทุกชนิดจะให้ค่าปัจจัยนี้น้อยกว่าหนึ่ง นอกจากนี้แล้วปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ

                  การจัดการพืชนี้ยังมีความสัมพันธ์กับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่นั้นๆอีกด้วย เนื่องจากสภาพภูมิอากาศนั้น
                  มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชซึ่งในการประเมินอัตราการชะล้างพังทลายของดินครั้งนี้ใช้ค่าปัจจัยการ
                  จัดการพืชตามการศึกษาของกรมพัฒนาที่ดิน (2545)
                              P คือค่าปัจจัยการอนุรักษ์ดินและน้ า (conservation practice factor) เป็นปัจจัยที่
                  แสดงถึงมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ าในพื้นที่นั้นๆ เช่น การปลูกพืชตามแนวระดับ (Contouring) การปลูก

                  พืชสลับขวางความลาดเอียง (Strip cropping) เป็นต้น ในการประเมินการชะล้างพังทลายของดินครั้งนี้
                  ใช้ค่าปัจจัยการปฏิบัติป้องกันการชะล้างพังทลายตามการศึกษาของกรมพัฒนาที่ดิน (2545)
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72