Page 110 - รายงานแผนการใช้ที่ดินแม่กกตอนล่าง
P. 110
3-62
7) การประเมินความต้องการน ้าเพื่อกิจกรรมต่างๆ
(1) ความต้องการน ้าของพืช หรือปริมาณการใช้น ้าของพืช
ความต้องการน ้าของพืชแต่ละชนิด ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่
และระยะเวลาการเจริญเติบโตของพืชชนิดนั้นๆ ในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง พืชต้องการน ้า
มากกว่าในสภาพอากาศที่เย็นและชื้น ดังนั้นความต้องการน ้าของพืชจึงมีความสัมพันธ์กับค่าการระเหย
และการคายน ้าอ้างอิง (ETo) ส าหรับแต่ละช่วงของการเจริญเติบโต พืชก็ต้องการน ้าในอัตราที่แตกต่างกัน
ความต้องการน ้าของพืช ค านวณจากสูตร
ET = Kc x ETo
โดย ET = ปริมาณการใช้น ้าของพืช (มม.)
Kc = สัมประสิทธิ์การใช้น ้าของพืช
ETo = การระเหยและการคายน ้าอ้างอิง
(รายละเอียดในบทที่ 2 และตารางที่ 2-1) ค่าสัมประสิทธิ์ การใช้น ้าของพืช ใช้ข้อมูลจากกรม
ชลประทาน (2554ก) รายละเอียดความต้องการน ้าของพืชแสดงไว้ในตารางที่ 3-11
(2) ความต้องการน ้าเพื่อการอุปโภคบริโภค
ประเมินความต้องการน ้าเพื่อการอุปโภคบริโภครายปี จากอัตราการใช้น ้าของ
ประชากรต่อคนต่อปีคูณด้วยจ านวนประชากรในปี 2560 โดยแบ่งจ านวนประชากรตามประเภทชุมชน
เพื่อเป็นฐานการค านวณ ชุมชนในลุ่มน ้าสาขาน ้าแม่กกตอนล่างเป็นชุมชนในเขตเทศบาล มีจ านวน
ประชากร 120,685 คน และชุมชนนอกเขตเทศบาล มีจ านวนประชากร 146,460 คน ซึ่งมีอัตราการใช้
น ้าเพื่อการอุปโภคบริโภค (กรมชลประทาน, 2554ข) ดังนี้
ชุมชนในเขตเทศบาล (จ านวนประชากรมากกว่า 50,000 คน) อัตราการใช้น ้า 300
ลิตรต่อคนต่อวัน
ชุมชนชนบท (นอกเขตเทศบาล) อัตราการใช้น ้า 50 ลิตรต่อคนต่อวัน
สามารถประเมินความต้องการน ้าเพื่อการอุปโภคบริโภคในลุ่มน ้าสาขาน ้าแม่กกตอนล่าง
ได้เท่ากับ 15.89 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี