Page 95 - รายงานสำรวจทะเบียนรายชื่อพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับท้องถิ่น อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

3-11

การทำเกษตรกรรมและวิสาหกิจชุมชน

1) พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
ั
ื้
ี่
ี
ั
ี่
ี่
ื้
การเกษตรทอยูติดกบบริเวณพนที่ชุมน้ำทมความสำคญระดับนานาชาติ พนทดำเนินงาน
อุทยานแหงชาติแกงกระจาน พบวา พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ สับปะรดโรงงาน กลวยน้ำวา มะนาว
ยางพารา มันสำปะหลังโรงงาน และมะพราว โดยพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญ 3 อันดับแรก คือ
(1) จังหวัดเพชรบุรี ป 2564 เกษตรกรบริเวณพื้นที่ชุมน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาต ิ

พื้นที่ดำเนินงานอุทยานแหงชาติแกงกระจาน พบวา สวนใหญปลูกสับปะรดโรงงานเปนหลัก เนื่องจาก
่
ี

ื
้
ี
ี
่
่
ี
้
ื

ราคาอยูในเกณฑด จูงใจใหเกษตรกรขยายพนทปลูกสับปะรดโรงงานในพนททเคยปลอยวางในชวงที่ผานมา
่
ประกอบกบสภาพอากาศทีเหมาะสม สงผลใหมีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 35,096 ไร ผลผลิต 3,635 กโลกรัมตอไร
ิ
ั

และราคาที่เกษตรกรขายได 12 บาทตอกิโลกรัม รองลงมา มะนาว มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 10,858 ไร ผลผลิต
1,903 กิโลกรัมตอไร และราคาที่เกษตรกรขายได 26 บาทตอกิโลกรัม และกลวยน้ำวา มเนือทเกบเก่ยว
ี
้
ี
็
ี
่
8,060 ไร ผลผลิต 3,635 กิโลกรัมตอไร และราคาที่เกษตรกรขายได 12 บาทตอกิโลกรัม
(2) จังหวัดราชบุรี ป 2564 เกษตรกรบริเวณพื้นที่ชุมน้ำทมีความสำคัญระดับนานาชาติ
ี่
พื้นที่ดำเนินงานอุทยานแหงชาติแกงกระจาน พบวา สวนใหญปลูกสับปะรดโรงงานเปนหลัก เนื่องจาก
ราคาอยูในเกณฑดี จูงใจใหเกษตรกรขยายพนที่ปลูกสับปะรดโรงงานในพนที่ทเคยปลอยวางในชวงที่ผานมา
ี่
ื้
ื้
ประกอบกับสภาพอากาศที่เหมาะสม สงผลใหมีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 21,400 ไร ผลผลิต 3,067 กิโลกรัมตอไร
และราคาที่เกษตรกรขายได 5.66 บาทตอกิโลกรัม รองลงมา ยางพารา มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 2,600 ไร
ผลผลิต 164 กิโลกรัมตอไร และราคาที่เกษตรกรขายได 21.95 บาทตอกิโลกรัม และมันสำปะหลังโรงงาน
ี่
มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 480 ไร ผลผลิต 3,377 กิโลกรัมตอไร และราคาทเกษตรกรขายได 3.27 บาทตอกิโลกรัม
ี
ี่
ั
ั
(3) จังหวัดประจวบคีรีขนธ ป 2564 เกษตรกรบริเวณพื้นที่ชุมน้ำทมความสำคญระดับนานาชาติ
พื้นที่ดำเนินงานอุทยานแหงชาติแกงกระจาน พบวา สวนใหญปลูกสับปะรดโรงงานเปนหลัก เนื่องจาก
ื้
ราคาอยูในเกณฑดี จูงใจใหเกษตรกรขยายพนที่ปลูกสับปะรดโรงงานในพนที่ทเคยปลอยวางในชวงที่ผานมา
ื้
ี่
ประกอบกับสภาพอากาศที่เหมาะสม สงผลใหมีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 36,958 ไร ผลผลิต 3,960 กิโลกรัมตอไร
่
ี
และราคาทเกษตรกรขายได 6 บาทตอกิโลกรัม รองลงมา ยางพารา (แผนดิบ) มีเนื้อที่เก็บเกียว 26,981 ไร
่
ี่
็
ผลผลิต 178 กิโลกรัมตอไร และราคาทเกษตรกรขายได 60 บาทตอกิโลกรัม และมะพราว มีเนื้อทเกบเกยว
ี่
ี่
1,039 ไร ผลผลิต 873 กิโลกรัมตอไร และราคาที่เกษตรกรขายได 15.50 บาทตอกิโลกรัม (ตารางที่ 3-8
และรูปที่ 3-6 ถึง รูปท 3-8)
ี่